top of page

ข้อมูลที่ต้องเตรียมในการคำนวณผลประโยชน์พนักงาน (TAS19)

อัปเดตเมื่อ 5 วันที่ผ่านมา

ree

ในการเตรียมข้อมูลพนักงานเพื่อใช้ในการคำนวณผลประโยชน์พนักงานตามมาตรฐานบัญชี TAS19 จำเป็นต้องมีข้อมูลสำคัญทั้งหมด 5 ส่วน โดยแต่ละส่วนมีความสำคัญอย่างยิ่ง หากขาดส่วนใดส่วนหนึ่งไป จะไม่สามารถคำนวณผลประโยชน์พนักงานได้อย่างถูกต้อง นอกจากนี้ ความถูกต้องและความสมบูรณ์ของข้อมูลในแต่ละส่วนก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน ได้แก่

  1. ค่าจ้างพนักงาน

  2. วันเกิด

  3. วันเข้างาน

  4. เพศของพนักงาน

  5. อายุเกษียณ

 

  1. ค่าจ้างพนักงาน

เนื่องจากการคำนวณผลประโยชน์พนักงาน (เช่น การสำรองเงินเพื่อจ่ายบำเหน็จบำนาญหรือค่าชดเชยตามกฎหมาย) จำเป็นต้องอ้างอิงกับค่าจ้างสุดท้ายของพนักงาน โดยค่าจ้างจะเท่ากับเงินเดือนรวมสวัสดิการอื่นที่มีการจ่ายให้เท่ากับทุกเดือน เช่น ค่าตำแหน่ง เป็นต้น ซึ่งเป็นข้อควรรู้พื้นฐานและมีผลโดยตรงต่อความถูกต้องและครบถ้วนของการกันสำรอง ดังนั้น เพื่อให้ได้ข้อมูลค่าจ้างสุดท้ายที่สะท้อนความเป็นจริง จึงควรกรอกข้อมูลค่าจ้างในช่วงปกติของพนักงาน มิใช่ช่วงที่ได้รับค่าจ้างลดลงเพียงชั่วคราว


โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากมีช่วงที่พนักงานได้รับค่าจ้างลดลงชั่วคราว และคาดว่าจะกลับมารับค่าจ้างปกติในอนาคต ควรระบุเป็นค่าจ้างปกติ (ไม่ใช่ค่าจ้างที่ลดลง) ในการจัดทำข้อมูลเพื่อการประเมิน เพื่อหลีกเลี่ยงการประเมินค่าจ้างสุดท้ายที่ต่ำกว่าความเป็นจริง และเพื่อความถูกต้องของการสำรองเงินตามมาตรฐานบัญชี TAS19


  1. วันเกิด

ข้อมูลวันเกิดของพนักงานแต่ละคนมีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากใช้เป็นพื้นฐานในการคำนวณอายุปัจจุบัน ซึ่งอายุนี้จะถูกนำไปใช้ในการคำนวณความน่าจะเป็นสำคัญต่าง ๆ ได้แก่ ความน่าจะเป็นในการลาออกและความน่าจะเป็นในการเสียชีวิต


เมื่อประเมินหนี้สินผลประโยชน์ของพนักงานตามมาตรฐาน TAS19 เราจะไม่กันสำรองเต็มจำนวนในทันที เนื่องจากพนักงานแต่ละคนมีโอกาสที่จะไม่ได้อยู่จนถึงวัยเกษียณจริง ๆ การคำนวณอายุและความน่าจะเป็นเหล่านี้ จึงช่วยให้เราสำรองเงินในระดับที่เหมาะสม สอดคล้องกับความเป็นจริงและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับพนักงานแต่ละคน


  1. วันเข้างาน

ข้อมูลวันเข้างานของพนักงานถูกใช้ในการคำนวณหาอายุงานตั้งแต่วันเข้างานจนถึงวันที่ครบอายุเกษียณ เพื่อประเมินจำนวนปีทำงานที่เป็นไปได้ทั้งหมดสำหรับพนักงานแต่ละคน


ในส่วนนี้ควรให้ความสำคัญเป็นพิเศษ เพราะหากข้อมูลวันเข้างานกรอกไม่ถูกต้อง อาจส่งผลกระทบต่อผลการคำนวณเงินสำรองได้อย่างมาก เช่น ในกรณีของนายเอ ที่ครั้งก่อนกรอกวันเข้างานเป็นวันที่ 1 มกราคม 2015 แต่เมื่อมีการตรวจสอบพบว่าข้อมูลที่ถูกต้องคือวันที่ 1 มกราคม 2005 จะทำให้อายุงานของนายเอเพิ่มขึ้นถึง 10 ปี ส่งผลให้เงินสำรองสำหรับพนักงานรายนั้นสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในรอบการประเมินนั้น ๆ


ดังนั้น การตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลวันเข้างานจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ได้ผลคำนวณผลประโยชน์พนักงานที่แม่นยำสอดคล้องกับความเป็นจริง และเหมาะสมตามมาตรฐาน TAS19


  1. เพศของพนักงาน

ข้อมูลเพศของพนักงานมีบทบาทสำคัญในส่วนของการคำนวณอัตราการเสียชีวิต เนื่องจากตารางมรณะไทย (Thai Mortality Table) ได้แบ่งแยกความน่าจะเป็นในการเสียชีวิตตามเพศ โดยพบว่าเพศหญิงมีความน่าจะเป็นในการเสียชีวิตต่ำกว่าเพศชาย


  1. อายุเกษียณ

ข้อมูลอายุเกษียณมีความสำคัญในการคำนวณว่าพนักงานจะเกษียณและบริษัทต้องจ่ายเงินชดเชยในปีใด อีกทั้งยังถูกนำไปใช้ในการประเมินระยะเวลาในการปรับขึ้นเงินเดือนของพนักงาน ซึ่งมีผลต่อการคำนวณผลประโยชน์พนักงานและสิทธิประโยชน์ของพนักงาน


สำหรับข้อมูลทั้ง 5 ส่วนที่ได้กล่าวไปข้างต้น ทาง ABS จะมีการช่วยตรวจสอบความถูกต้องทุกครั้งก่อนนำไปคำนวณผลประโยชน์ของพนักงานตามมาตรฐาน TAS19  พร้อมทั้งให้คำแนะนำในการกรอกข้อมูลแต่ละส่วนอย่างละเอียดและรอบคอบ


หากสนใจบริการคำนวณผลประโยชน์พนักงาน สามารถติดต่อสอบถาม ABS ได้ทันที ทางเราพร้อมให้คำปรึกษาและดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ถูกต้องตามหลักคณิตศาสตร์ประกันภัยและเหมาะสมกับความต้องการของบริษัท

 

เขียนและเรียบเรียงโดย อาจารย์ทอมมี่ (พิเชฐ เจียรมณีทวีสิน)

FSA, FIA, FRM, FSAT, MBA, MScFE (Hons), B.Eng (Hons)

อดีตนายกสมาคมนักคณิตศาสตร์ประกันภัยแห่งประเทศไทย และอาจารย์บรรยายด้านการคำนวณผลประโยชน์พนักงานด้วยหลักคณิตศาสตร์ประกันภัย ตามมาตรฐานบัญชี ฉบับที่ 19 TAS19 IAS19


ขอสงวนสิทธิ์ของเนื้อหาในบทความ ไม่ให้นำไปใช้แสวงหาผลประโยชน์ใด ๆ ในเชิงพาณิชย์ นอกจากจะได้รับอนุญาตจากทางบริษัท ABS เท่านั้น

 
 
 

ความคิดเห็น


bottom of page