top of page

กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (Provident Fund)

อัปเดตเมื่อ 27 ม.ค.


กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (Provident Fund)
กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (Provident Fund)

โดย พิเชฐ เจียรมณีทวีสิน (ทอมมี่) FSA, FIA, FSAT, FRM


หลายคนคงจะเคยได้ยินคำว่ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (Provident Fund) มาก่อน หลังจากที่ได้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับกองทุน LTF กองทุน RMF และประกันชีวิตจากในตอนที่ผ่านมาแล้ว คราวนี้เราลองเปลี่ยนมุมมาทำความเข้าใจกับเครื่องมือลดหย่อนภาษีส่วนบุคคลสำหรับมนุษย์เงินเดือนกันบ้าง


กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (Provident Fund) เป็นการเก็บออมเงินทางหนึ่งเพื่อให้มนุษย์เงินเดือนมีการออมเพื่อการเกษียณที่ดีในอนาคต โดยนายจ้างจะตกลงทำร่วมกันกับลูกจ้างที่เป็นพนักงานประจำ และในแต่ละเดือนนายจ้างจะต้องหักเงินเดือนส่วนหนึ่งของลูกจ้างเพื่อนำไปเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ

​กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (Provident Fund) นั้นมีขึ้นสำหรับมนุษย์เงินเดือน โดยนายจ้างจะตกลงทำร่วมกันกับลูกจ้างที่เป็นพนักงานประจำและคอยเจียดเงินเข้ากองทุนนี้ในทุกๆ เดือน ซึ่งในแต่ละเดือนนายจ้างจะต้องหักเงินเดือนส่วนหนึ่งของลูกจ้างเพื่อนำไปเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพด้วย

เงินในส่วนของลูกจ้าง เรียกว่า “เงินสะสมของลูกจ้าง” โดยลูกจ้างยอมให้หักเงินเดือนเพื่อใส่เป็นเงินสะสมเข้ากองทุน ตั้งแต่ร้อยละ 2 – 15 ของเงินเดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับข้อบังคับของกองทุน และในขณะเดียวกันนายจ้างก็ต้องสมทบเพิ่มเข้าไปด้วย เรียกเงินในส่วนนี้ว่า “เงินสมทบของนายจ้าง” โดยจะสมทบในอัตราที่มากกว่าหรือเท่ากับเงินสะสมของลูกจ้างเสมอ


นายจ้างอาจมีเงื่อนไขการจ่ายเงินสะสมเข้ากองทุนให้ลูกจ้างได้เลือก โดยนายจ้างอาจจะกำหนดอัตราเงินสะสมของลูกจ้างและเงินสมทบของนายจ้างให้คงที่เท่ากันหรือไม่เท่ากันก็ได้ และบางทีก็อาจกำหนดให้มีการเพิ่มอัตราเงินสะสมหรือเงินสมทบตามอายุงานไปด้วยเหมือนกัน เช่น ถ้าอายุงานมากกว่า 5 ปีเป็นต้นไป จะเปลี่ยนอัตราเงินสมทบของนายจ้างจาก 5% ไปเป็น 7% ของเงินเดือน และถ้าอายุงานมากกว่า 10 ปีเป็นต้นไป จะเปลี่ยนอัตราเงินสมทบของนายจ้างจาก 7% ไปเป็น 10% ของเงินเดือน เป็นต้น


เงินสมทบ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (Provident Fund)

ทั้งนี้ทั้งนั้น เงินสะสมของลูกจ้างและเงินสมทบของนายจ้างนั้น จะได้เอาออกมาเป็นก้อนก็ต่อเมื่อลูกจ้างลาออกจากบริษัท ซึ่งเงินสะสมของลูกจ้างนั้นจะต้องได้รับคืนเต็มจำนวน ขณะที่เงินสมทบของนายจ้างนั้นอาจไม่ได้รับเต็มจำนวน ถ้าอายุงานกับบริษัทมีไม่มากพอเพราะ “เงินสมทบของนายจ้าง” จะขึ้นกับเงื่อนไขของนายจ้างที่ตกลงกันไว้ตั้งแต่แรก เช่น อายุงานน้อยกว่า 5 ปี จะได้รับ “เงินสมทบของนายจ้าง” เพียง 50% แต่ถ้าอายุงานมีถึง 10 ปีเป็นต้นไป ก็จะได้รับ “เงินสมทบของนายจ้าง” เต็มจำนวน เป็นต้น


ตัวอย่าง เงื่อนไขของการคืนเงิน “สมทบของนายจ้าง” เมื่อลาออกจากบริษัท

​อายุงานน้อยกว่า 3ปี

​ไม่ได้รับเงินสมทบของนายจ้างคืน

อายุงานตั้งแต่ 3ปี - 5 ปี

​ร้อยละ 25 ของเงินสมทบของนายจ้างที่สะสมไว้

อายุงานตั้งแต่ 5 – 10 ปีขึ้นไป

ร้อยละ 75 ของเงินสมทบของนายจ้างที่สะสมไว้

อายุงานตั้งแต่10 ปีขึ้นไป

เต็มจำนวนของเงินสมทบของนายจ้างที่สะสมไว้

และเมื่อนำเงินมาใส่ในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพแล้ว ผู้จัดการกองทุนจะนำเงินไปลงทุนตามแต่นโยบายการลงทุนที่ลูกจ้างได้เลือกเอาไว้ เพื่อให้ได้ผลตอบแทนจากกองทุนออกมา ซึ่งเราจะเรียกว่า “ผลประโยชน์จากเงินสะสมของลูกจ้าง” และ “ผลประโยชน์จากเงินสะสมของนายจ้าง” ที่จะแยกบัญชีเป็นส่วน ๆ ไป เพื่อใช้คำนวณภาษีที่อาจจะมีถ้าทำผิดเงื่อนไขในอนาคต


โดยสรุปแล้ว ส่วนประกอบของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพจะมีอยู่ 4 ส่วนดังนี้

เงินสะสมของลูกจ้าง

หักสะสมไว้ในอัตราร้อยละ 2 – 15 ของเงินเดือน ซึ่งเงินส่วนนี้นำมาใช้ลดหย่อนภาษีได้ และจะได้รับคืนเต็มจำนวนเมื่อลาออกโดยที่ไม่ต้องเสียภาษีย้อนหลังในภายหลัง


เงินสมทบของนายจ้าง

สมทบให้ไม่น้อยกว่าเงินสะสมของลูกจ้าง แต่อาจไม่ได้รับเงินเต็มจำนวนเมื่อลาออกก่อนอายุ 55 ปีบริบูรณ์ เพราะมีเงื่อนไขในการรับเงินคืนตามจำนวนอายุงาน

ผลประโยชน์จากเงินสะสมของลูกจ้าง

ผลตอบแทนจากการลงทุนที่ได้มาจากเงินสะสมของลูกจ้าง

ผลประโยชน์จากเงินสะสมของนายจ้าง

ผลตอบแทนจากการลงทุนที่ได้มาจากเงินสะสมของนายจ้าง

จำนวนเงินที่ถูกหักเข้าไปเป็น “เงินสะสมของลูกจ้าง” ในแต่ละปีนั้นสามารถนำมาลดหย่อนภาษีในปีภาษีนั้นได้ แต่ทั้งนี้ลูกจ้างจะต้องหักเงินเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ ไม่เช่นนั้นแล้วจะต้องเสียภาษีจาก เงินสมทบของนายจ้าง ผลประโยชน์จากเงินสะสมของลูกจ้าง และผลประโยชน์จากเงินสมทบของนายจ้าง เมื่อเวลาที่ลาออกจากบริษัทและไม่ได้ต่ออายุกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ


การต่ออายุของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพหลังจากลาออกจากบริษัท นายจ้างนั้นจะทำได้ก็ต่อเมื่อลูกจ้างได้เข้าไปทำงาน ในบริษัทนายจ้างใหม่ และให้มีการหักเงินเดือนเข้าไปในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ภายใน 1 ปี หลังจากที่ได้ลาออกมาจากที่ทำงานเก่า ดังนั้น จึงเป็นที่น่าเสียดายว่ามนุษย์เงินเดือนที่ลาออกมาทำกิจการเองจะต้องเสียภาษีจากการได้เงินก้อนของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพไปโดยปริยาย


การต่ออายุ ของ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (Provident Fund)

อ้างอิงจาก คอลัมน์ : สวัสดีแอคชัวรี ฉบับที่ 45 ประจำไตรมาสที่ 3 ปี 2560



เขียนโดย อาจารย์ทอมมี่ (พิเชฐ) FSA, FIA, FRM, FSAT, MBA, MScFE (Hons), B.Eng (Hons) ขอสงวนสิทธิ์ของเนื้อหาในบทความ ไม่ให้นำไปใช้แสวงหาผลประโยชน์ใด ๆ ในเชิงพาณิชย์ นอกจากจะได้รับอนุญาตจากทางบริษัท ABS เท่านั้น

Comments


bottom of page